ข้อควรรู้ก่อนขายทองรูปพรรณถ้าไม่อยากโดนกดราคา

  • Posted on: 21 June 2023
  • By: thailandladygol...

ราคาทองรูปพรรณในยุคนี้นับได้ว่าพุ่งขึ้นทุกวัน ทำให้หลายคนหันสนใจในการซื้อขายทองรูปพรรณกันมากขึ้น เนื่องจากทองเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนเพื่อเก็งกำไร หาซื้อได้ง่าย เมื่อทองปรับราคาขึ้นก็สามารถนำไปขายออกได้ แต่จะขายก็เกรงว่าจะได้ราคาที่ไม่เป็นธรรม วันนี้เราจะชวนทุกท่านมาดูวิธีการคำนวณราคาทองรูปพรรณ และข้อกฎหมายในการขายทองให้ไม่โดนกดราคากัน

ตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขายทองจากประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง แนวทางปฏิบัติการค้าของผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าทองที่เป็นธรรม โดยราคาที่เป็นธรรม คือ ผู้ประกอบการต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับราคารับซื้อทองในวันนั้น ๆ ให้ชัดเจน และจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. แจ้งว่าการรับซื้อคืนทองรูปพรรณกำหนดให้ร้านทองสามารถหักได้ไม่เกิน 5% ซึ่งให้คิดจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่งในวันนั้น ๆ โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีที่ซื้อหรือขายกับร้านทองร้านเดิมที่เคยซื้อทองมาเท่านั้น

ตัวอย่างในการคำนวณการขายทองรูปพรรณ สามารถคำนวณได้ ดังต่อไปนี้

1) หากราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง 1 บาท ในวันที่เราต้องการขายทองรูปพรรณเป็น 30,000 บาท ดังนั้น 5% ของ 30,000 คือ 1,500  บาท

2) เมื่อเราขายทองรูปพรรณ 1 บาท ต้องได้ราคา 30,000 – 1,500 คือ 28,500 บาท

โดยที่ถูกร้านทองหักไป จะเป็นค่าเสียหายจากการหลอมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่เกิน 5% ของมูลค่าซื้อคืนทองคำแท่ง 1 บาท นับจากวันที่ทำการซื้อขาย ตามราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ

หากเราขายทองรูปประพรรณไปแล้วได้ราคาที่ต่ำกว่าคำนวณออกมาก็ไม่ควรขายทอง เนื่องจากร้านทองปฏิบัติไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคตามข้อกฎหมาย ซึ่งทำให้ร้านทองอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ตามมาตรา 37 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 25 (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ดังนั้น หากเราอยากจะขายทองรูปพรรณให้ไม่โดนกดราคา ควรตรวจสอบราคาจากร้านทองในวันที่เราจะไปขายทอง รวมถึงการหักค่ากำเหน็จทองรูปพรรณให้ชัดเจน พร้อมทั้งเก็บหลักฐานใบประกัน ใบรับรอง หรือสัญญาซื้อขายทองรูปพรรณจากร้านทองไว้ เพื่อเป็นหลักฐานชัดเจนว่าเราได้ซื้อจากร้านดังกล่าว เมื่อไปขายทองรูปพรรณให้นำหลักฐานไปด้วย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เราได้ราคาที่เป็นมาตรฐานตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ